อะตอมเชื่อว่าหลายๆคนที่เริ่มสนใจการวางแผนการเงิน ต้องเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการเงิน การประกัน และการลงทุน ซึ่งข้อมูลมีมากมายและหลากหลายมากๆ จนบางทีเราเริ่มไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เราอ่านมา ฟังมา มันถูกหรือไม่
วันนี้อะตอมจะมาเล่าให้ฟังว่าประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term) กับ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life) คืออะไร? แตกต่างกันอย่างไร? และเหมาะกับใคร?
1) ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term)
ประกันแบบนี้เรามักจะเรียกกันติดปากว่า “ประกันชีวิตเบี้ยทิ้ง” หมายความว่าอย่างไร? ประกันแบบนี้คือการจ่ายเบี้ยประกัน 1 ปี และให้ความคุ้มครองชีวิต 1 ปี นั่นเอง แต่จะไม่มีการเอาเบี้ยประกันไปลงทุน หรือเก็บออมไว้เพื่อเราเลย เรียกง่ายๆว่าจ่ายเงินเพื่อทำประกันชีวิต 100% เลย
ข้อสังเกตคือ ถ้าเราอยู่ครบสัญญา ไม่เสียชีวิต เราจะไม่ได้อะไรกลับคืนเลย (เบี้ยที่จ่ายทิ้งไปเลย) แต่หากเราสูญเสียชีวิต ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินความคุ้มครองชีวิตนั่นเอง
ประกันแบบนี้เหมาะกับใคร? อะตอมมองว่าประกันแบบนี้เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตล้วนๆ ซื้อประกันเพื่อความคุ้มครองจริงๆ หากเกิดเหตุสูญเสียชีวิต ซึ่งเบี้ยประกันเทียบกับความคุ้มครองชีวิต ต้องบอกว่าถูกที่สุดเลย
แบบประกันลักษณะนี้จะมีแบบ จ่ายปีต่อปี (1/1) หรือ จ่ายปีต่อปีแต่สัญญาต่ออายุกันได้ 5, 10, 15 ปี (5/5, 10/10, 15/15 ,…) หรืออีกแบบที่เราคุ้นเคยคือพวกประกันสินเชื่อเวลากู้บ้าน จ่ายปีเดียวแต่คุ้มครองหลายปี เช่น 20/1 จ่ายเบี้ยประกัน 1 ปี คุ้มครอง 20 ปี แล้วเราควรเลือกแบบไหน? สำหรับอะตอมมองว่าการจ่าย 1 ปี คุ้มครอง 1 ปี คุ้มค่าที่สุด เพราะหากเกิดเหตุสูญเสียชีวิตในปีแรกเท่ากับเราจ่ายน้อยสุด แต่ก็ควรเลือกสัญญาที่ต่ออายุได้ยาวๆด้วย เนื่องจากถ้าเราสุขภาพไม่ดีแล้ว อาจจะทำใหม่ไม่ได้อีกเลย
ตัวอย่างเบี้ยประกันสำหรับกลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงทั่วไปเช่นพนักงานออฟฟิศ หรือ คนทำงานทั่วๆไป ความคุ้มครองชีวิต 1 ล้านบาท จ่ายเบี้ยประกันเพียงปีละ 4,000 – 8,000 บาทแล้วแต่อายุครับ
2) ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life)
ประกันแบบนี้เน้นสำหรับความคุ้มครองยาวๆ จนถึงอายุ 80, 85, 90, 99, … แล้วแต่ว่าบริษัทประกันจะทำแบบไหนออกมาให้เราเลือกกัน ถามว่าดีอย่างไร? ในมุมอะตอมประกันตลอดชีพเหมาะกับการเอามาใช้วางแผนคู่กับการซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพมากที่สุด เพราะ การที่เราซื้อสัญญาประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองยาวๆ เราก็จะสามารถต่ออายุประกันสุขภาพได้ยาวๆเช่นกัน
หลายคนอ่านแล้วอาจจะสงสัยว่า แล้วเราซื้อประกันแบบชั่วระยะเวลา (Term) หรือ ซื้อพวกประกันออมเงิน คู่กับสัญญาสุขภาพไม่ได้หรอ? คำตอบคือสามารถซื้อได้ครับ แต่มันไม่ปลอดภัย เพราะ หากสัญญาชีวิตของเราจบลง เราก็จะไม่สามารถซื้อสัญญาสุขภาพต่อได้ ต้องไปทำเล่มใหม่ แต่เราการันตีไม่ได้ว่าสุขภาพเรายังแข็งแรง หรือไม่มีประวัติ เพื่อจะทำประกันเล่มใหม่ได้ สำหรับอะตอมมองว่ามันเสี่ยงเกินไปที่จะวางแผนการเงินแบบนี้ครับ
นอกเหนือจากการใช้ทำคู่กับประกันสุขภาพแล้ว ยังมีอีกมุมนึงที่สามารถใช้ประกันชีวิตแบบตลอดชีพได้ คือ คนที่ต้องการคุ้มครองชีวิตยาวๆจนถึงบั้นปลายของชีวิต ซึ่งกลุ่มนี้มักจะใช้กับบุคคลสำคัญต่างๆ เช่น ผู้นำในครอบครัวที่หารายได้ได้ในระยะยาว, เจ้าของธุรกิจ, ผู้บริหาร, นักลงทุนระยะยาว, ดารานักแสดง ซึ่งหลักๆอะตอมโฟกัสที่บุคคลที่สามารถหารายได้ได้ระยะยาว ต่อเนื่องไปจนถึงวัยเกษียณแล้วก็ยังสามารถหารายได้ได้ เพราะว่าการทำประกันชีวิตแบบนี้ จะช่วยคุ้มครองค่าความสามารถในการหาเงินของเขาได้นั่นเอง
ประกันแบบนี้ควรจ่ายสั้นๆ หรือจ่ายยาวๆดี? ยกตัวอย่างประกันชีวิตคุ้มครองถึงอายุ 85 ปี คุ้มครอง 1 ล้านบาท สมมติว่า จ่ายเบี้ยประกัน 10 ปี กับ 20 ปี ควรเลือกอะไร? ถ้าเลือก 10 ปี ตีกลมๆว่า จ่ายเบี้ยประกันปีละ 70,000 บาท รวมทั้งสิ้น 700,000 บาท กับ การจ่าย 20 ปี ปีละ 40,000 บาท รวมทั้งสิ้น 800,000 บาท จะเห็นได้ว่า จ่ายสั้นๆอาจจะถูกกว่าจ่ายยาวๆ แต่มองอีกมุมหนึ่งว่า หากเราเกิดเหตุสูญเสียไว การจ่ายแบบสั้นๆ เท่ากับเราจ่ายแพงกว่าจ่ายยาวๆทันที อีกประเด็นคือการบริหารสภาพคล่องด้วย การจ่ายน้อยๆแต่จ่ายยาวๆ มักบริหารง่ายกว่าจ่ายสั้นๆแต่จ่ายหนักๆ เพราะถ้าเราบริหารเงินมาจ่ายเบี้ยประกันไม่ไหวจนต้องปิดเล่มกรมธรรม์ อาจจะเสียผลประโยชน์จากประกันไปเลย
สรุป
ประกันแบบชั่วระยะเวลา เหมาะสมกับคนที่ต้องการความคุ้มครองเน้นๆ เบี้ยไม่แพงมาก
ประกันแบบตลอดชีพ เหมาะกับคนที่ซื้อเพื่อแนบสัญญาสุขภาพ และคุ้มครองชีวิตในระยะยาว
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนนะครับ สามารถติดตามความรู้การเงินดีๆแบบนี้ได้ทุกช่อทางของ Money Diaries (ไดอารี่การเงิน) ได้เลยครับ
ใครอยากปรึกษาการเงินสามารถทัก Line OA ได้เลย @moneydiariesth หรือทุกช่องทาง
พลชา โรจน์เลิศจรรยา (อะตอม), ที่ปรึกษาการเงิน บริษัท มันนี่ ไดอารี่ส์ จำกัด